ปี 2024 ใกล้จะจบลงแล้ว คุณมีของขวัญพิเศษสำหรับตัวเองหรือคนที่คุณรักเตรียมไว้หรือยัง? หลายคนอาจยังลังเลว่าจะเลือกอะไรดีที่จะมีคุณค่ามากพอสำหรับคนที่เราห่วงใย หรือแม้แต่เป็นของขวัญให้กับตัวเอง ซึ่งหากจะพูดถึงของขวัญที่ดีที่สุด คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า “สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง” โดยเฉพาะคุณภาพการนอนหลับที่ดี ซึ่งเป็นรากฐานของการมีพลังในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ใครมีปัญหาการนอนกรนบ้าง? ถ้ามี การนอนกรนเป็นสิ่งที่อาจดูเล็กน้อย แต่สิ่งนี้มันส่งผลกระทบไม่เล็กเลย การนอนกรนสามารถทำลายคุณภาพการนอนของคุณได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่าง ๆ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA), โรคหลอดเลือดหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, และโรคหลอดเลือดสมอง
เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ลองคิดดูว่ามันจะดีแค่ไหน ถ้าหากว่าคุณสามารถมอบของขวัญที่มีคุณค่าอย่าง “การนอนหลับที่ดี” ให้กับตัวเองหรือคนที่คุณรักได้ ด้วยการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสุขภาพการนอนของตัวเองอย่างละเอียดที่สุด และนำไปหาวิธีแก้ไขปัญหาการนอนกรนที่ได้ผลจริง ไม่เพียงแค่การนอนกรน แต่ยังสามารถช่วยวินิจฉัยปัญหาการนอนอื่น ๆ ได้อีก เช่น การนอนกัดฟัน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือภาวะผิดปกติของการนอนหลับอื่น ๆ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก 3 วิธีการรักษาการนอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัด ที่คุณสามารถเลือกได้ก่อนเข้าสู่ปี 2025 เพื่อมอบสุขภาพการนอนที่ดีให้กับตัวเองและคนที่คุณรัก
หลายคนอาจคิดว่าการนอนกรนเป็นเพียงเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเมื่อเราเหนื่อยล้าหรือหลับลึก แต่ความจริงแล้วการนอนกรนเป็นสัญญาณแรกของปัญหาสุขภาพที่คุณอาจไม่รู้ และอาจบ่งบอกถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ระบบการหายใจของร่างกายมีความแปรปรวนในขณะหลับ และส่งผลต่อการทำงานของหัวใจอย่างหนัก เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ การนอนกรนยังมีผลกระทบต่อคุณภาพการนอน ทำให้คุณตื่นบ่อยตอนกลางคืน นอนไม่เต็มอิ่ม และรู้สึกเหนื่อยล้าในวันถัดไป
สำหรับเด็กที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) อาจรุนแรงกว่าที่เราคิด เพราะสามารถส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าว สมาธิสั้น หรือปัสสาวะรดที่นอน และยังส่งผลต่อการเรียนอีกด้วย
เลือกวิธีรักษานอนกรนแบบไหนให้เหมาะกับคุณ?
การรักษาปัญหานอนกรนมีหลายวิธี การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จะช่วยประเมินปัญหานอนกรนอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิธีการรักษานอนกรนแบบไม่ต้องผ่าตัดกัน
1. เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)
CPAP หรือ Continuous Positive Airway Pressure เป็นเครื่องมือที่ช่วยรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักการทำงานของ CPAP คือการผลิตแรงดันลมผ่านหน้ากากที่สวมใส่ครอบจมูกในขณะที่กำลังหลับอยู่ เพื่อเปิดทางเดินหายใจที่แคบหรือถูกปิดกั้น ทำให้คุณหายใจสะดวกขึ้นในขณะหลับ และเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
ข้อดีของการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนได้ตั้งแต่เริ่มใช้
- แก้ไขปัญหาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่มีความรุนแรง
- คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น ทำให้นอนหลับได้เต็มอิ่มมากขึ้น
- ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
- ลดอาการง่วงนอนในตอนกลางวัน
อย่างไรก็ตาม เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) มีหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ เช่น รุ่น Auto ที่สามารถปรับแรงดันลมได้เองอัตโนมัติ และรุ่น Manual ที่ต้องปรับค่าตามการตั้งค่า แต่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด การใช้งาน CPAP ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้เลือกใช้เครื่องที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและการนอนของผู้ใช้งาน
2. เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance)
อีกหนึ่งวิธีการรักษาการนอนกรนที่ได้รับความนิยม คือการใช้เครื่องมือทันตกรรม หรือ Oral Appliance รู้จักกันในชื่อ เครื่องครอบฟัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สวมใส่ในปากขณะนอนหลับ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ลิ้นหรือเนื้อเยื่อในลำคอหย่อนลงมาปิดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้น อุปกรณ์นี้จะช่วยจัดตำแหน่งของขากรรไกรและลิ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่เปิดทางเดินหายใจได้ดีขึ้น ช่วยลดการนอนกรนและการหยุดหายใจขณะหลับ
การเลือกเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) ให้เหมาะสมกับระดับความรุนแรงและอาการที่เกิดขึ้น ควรอยู่ในการดูแลแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาฟันยางนอนกรนจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น มีความแตกต่างกันจากวัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งาน และความสะดวกสบายในการใช้งาน
ข้อดี ของเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance)
- ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
- ใส่ง่ายเพียงแค่ครอบฟันขณะนอนหลับ
- ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือพลังงานเพิ่มเติม
- ช่วยลดเสียงกรน และทำให้คู่นอนหลับสบายมากขึ้น
- ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การใช้เครื่องมือทันตกรรมนี้ควรได้รับการดูแลและคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับฟันและขากรรไกรของผู้ใช้แต่ละคน
3. การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy)
การบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาการนอนกรนที่ไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้มุ่งเน้นไปที่การฝึกกล้ามเนื้อบริเวณลิ้น ปาก ขากรรไกร และกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนต้น เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเหล่านี้หย่อนคล้อยลงและปิดกั้นทางเดินหายใจในขณะหลับ
จากงานวิจัยชื่อว่า: Myofunctional Therapy to Treat Obstructive Sleep Apnea: A Systematic Review and Meta-analysis ที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดนี้พบว่า การฝึกกล้ามเนื้อดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ถึง 62% ในวัยเด็ก และ 50% ในวัยผู้ใหญ่
ข้อดี ของการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy)
- เป็นวิธีการรักษาที่ต้นเหตุของการนอนกรน
- ปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยง และเหมาะสำหรับทุกวัย
- ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
- สามารถฝึกได้ด้วยตนเองที่บ้าน วันละ 1-2 ชั่วโมง
- ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ใด ๆ ขณะนอนหลับ หรืออาจสวมใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม Myobrace เพื่อช่วยให้การบำบัดมีผลลัพธ์ออกมาดีมากยิ่งขึ้น
สรุป
การรักษาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) และการบำบัดกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพการนอนหลับ (Sleep Test) จะเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการวินิจฉัยและประเมินสาเหตุของปัญหา ซึ่งแพทย์เฉพาะทางสามารถนำผลจากการตรวจมาประเมินถึงอาการและความรุนแรงที่เกิดขึ้น สำหรับวางแผนและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้กับแต่ละบุคคล